Growing child

ผมใช้เวลานานเอาการกว่าจะเข้าใจด้วยใจในคำว่า"ไม่สามารถแยกผู้สังเกตออกจากสิ่งที่ถูกสังเกตได้"

ภาพยนตร์หลายเรื่องนำสู่การแลกเปลี่ยนทัศนะไปจนถึงระดับถกเถียงว่าด้วยคุณค่าความดีในแง่มุมต่างๆ ของมัน แม้แต่ในวงของคนที่มีพื้นเพพื้นฐานใกล้เคียงกันก็ยังไม่อาจให้ความเห็นตรงกันเป็นเนื้อเดียวได้ ส่วนภาพยนตร์อีกจำนวนหนึ่งกลับไม่ก่อให้เกิดการสนทนาโต้ตอบของผู้ชมหลังฉายจบ ความเชื่อและคุณค่าที่ผมให้กับภาพยนตร์ที่ดี คือภาพยนตร์ที่ดูแล้วทำให้เกิดงอกเงยทางความคิด ความรู้สึก แรงบันดาลใจ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน หลายเรื่องจึงดูดีขึ้นอีกมากเมื่อเราได้เรียนจากเพื่อนร่วมโรง(หนัง)หลังฉายจบ เพราะมันทำให้เราได้เห็นฉากชีวิตต่างๆ อีกมากมายจากโรงหนังเดินได้แต่ละรายตรงหน้า

ชีวิตว่าด้วยชายผู้ด้อยวุฒิภาวะ ตัดสินใจสิ่งใดในชีวิตโดยยึดเอาการอยู่รอดและความสุขเฉพาะหน้าเป็นตัวแปรหลัก เมื่อเขามีสถานภาพเป็นพ่อในทางกายภาพและชีวภาพเพราะแฟนสาวให้กำเนิดบุตรชาย เขาจึงยังไม่ถึงพร้อมในความรับผิดชอบเยี่ยงพ่อ จนกระทั่งวันที่เขาได้เริ่มรู้ว่า บางสิ่งที่อุบัติขึ้นในชีวิตเขานั้น ได้ทรงคุณค่าต่อห่วงโซ่ความสัมพันธ์ของเขาอย่างไร ภารกิจกลับไปติดตามหาเด็กกลับคืนมาเพราะเธอหันหลังให้กับความสัมพันธ์จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

แจ้งเพื่อทราบ: ผมกำลังจะเปิดเผยเนื้อหาของหนังเรื่องหนึ่ง

เขาเห็นความสำคัญของความสัมพันธ์ เห็นพลังของความรัก ต่อเมื่อเขาเสียมันไป เส้นวงที่ขีดล้อมกรอบความรักของเขายังคงขนาดเท่าเดิม แต่วงของเธอนั้นขยายกว้างออก และไม่ได้มีเขาเป็นจุดศูนย์กลางแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไปแล้ว ต่อเมื่อโหยหาสิ่งที่เขาขาด เขาจึงเรียนรู้และพยายามให้ได้มา เมื่อพยายามจึงได้ทำได้ลองหลายทางจนกว่าจะพบทางที่ใช่ ทางที่เปลี่ยนแปลงตัวเขาเองจากภายใน

หากหญิงสาวผู้นั้นเธอตระหนักถึงรักต่อตัวเด็กเมื่อเธอได้ให้กำเนิด และได้ถึงพร้อมในความเป็นแม่ เปรียบกันแล้ว เขาก็ได้เริ่มล่วงสู่ความเป็นพ่อ เมื่อได้ให้กำเนิด ไม่ใช่ในทางชีวภาพ แต่ในทางสัญชาตญาณด้วยการช่วยชีวิตหนุ่มรุ่นน้องจากห้วงน้ำเย็นยะเยียบ กระทั่ง เมื่อเขาได้บรรลุถึงซึ่งความเป็นพ่อ ไม่ใช่ในทางนิตินัย แต่ในทางสำนึกรับผิดชอบผลการตัดสินใจกระทำของเขาที่ผูกพันถึงชีวิตและอนาคตของรุ่นน้องคนเดิมนั้น

เพียงคำพูดถามถึงลูกชายตัวน้อยเพียงประโยคเดียวในตอนท้าย เราก็เข้าใจด้วยใจว่าเขาได้เปลี่ยนผ่านเติบโตจากเด็กคนหนึ่งสู่การเป็นพ่อของเด็กอีกคนหนึ่งแล้ว

ขอบคุณเพื่อนร่วมโรงที่ฉายหนังชีวิตและความคิดฉากต่างๆ ผ่านภาพสมมติในโรงหนัง แต่ละเรื่องราวร้อยเรียงลำดับไปกับผู้ชมแต่ละคนต่างที่มาแต่ละทัศนะ หนังเรื่องเดียวมีสารสารพัดสารพัน ด้วยผู้สังเกตที่ต่างๆ กัน เราล้วนต่างมีภาพยนตร์ส่วนบุคคลหรือหนังส่วนตัวในช่วงเวลาสองชั่วโมงเดียวกัน ขอบคุณที่ทำให้ความคิดงอกเงยแตกหน่อออกผล ขอบคุณมาก มาก ครับ

0 comments:

Post a Comment