ปณิธานปีใหม่



คอลัมน์ จิตตปัญญา
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ
ฉบับวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2552

เจียนจะข้ามสิ้นปีเข้าสู่ปีใหม่อีกแล้ว ช่วงเวลาอย่างนี้นอกจากเรามีธรรมเนียมการอวยพรมอบของขวัญ และใช้วันหยุดติดต่อกันไปพักผ่อนทดแทนการทำงานอย่างเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งปี ยังเป็นโอกาสซึ่งเรามักตั้งปณิธานบางอย่างเอาไว้ บางคนอาจคิดแล้วเก็บอยู่ในใจไม่บอกใคร บางคนแม้จะไม่ได้ประกาศออกไปแต่ก็เขียนเตือนตัวเองในสมุดบันทึกหรือติดโน้ตบนโต๊ะทำงาน และมีคนจำนวนไม่น้อยสามารถตอบได้ทันทีที่เจอคำถามว่า “ปีใหม่นี้ได้ตั้งใจไว้ว่าเปลี่ยนแปลงอะไรหรือยัง?”

แม้ต่างคนต่างใจมีชีวิตที่หลากหลายต่างกัน ทว่าโดยมากสิ่งที่เราแต่ละคนคิดจะทำเมื่อวาระปีใหม่มาถึง มักจะคล้ายคลึงกันอย่างน่าอัศจรรย์ ฝรั่งเขาเคยสำรวจคร่าวๆ ว่าเรื่องยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่ตั้งใจจะทำในปีใหม่ หรือ New Year’s Resolution นั้น ได้แก่ ๑.ให้เวลาแก่ครอบครัวมากขึ้น ๒.ออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ ๓.ลดน้ำหนัก ๔.เลิกบุหรี่ ๕.เลิกเหล้า (มีบางข้อที่ตรงกับใจเราใช่ไหม?)

แม้จะยังไม่เคยมีการเก็บผลข้อมูลอย่างเป็นทางการโดยเปรียบเทียบสัมฤทธิผลของปณิธานปีใหม่ก็ตาม พวกเราคงคาดเดาจากประสบการณ์อันมีร่วมกันได้ว่า มากกว่าครึ่งล้วนประสบความล้มเหลวที่จะทำตามความตั้งใจ

ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ และไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเกินจริงเลย ถ้าเช่นนั้นเป็นเพราะสาเหตุใดที่ทำให้เราใช้ชีวิตย่างเข้าสู่ปีใหม่จนมันล่วงเลยผ่านพ้นไปอีกหนึ่งปีด้วยวิถีรูปแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ดังที่เคยเป็นมา จนเราบางคนยอมรับว่าปณิธานปีใหม่ที่ตนเองเคยตั้งไว้กลายเป็นภารกิจอันแทบจะเป็นไปไม่ได้

เราไม่พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ เราต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ขณะเดียวกัน เราเริ่มเคยชินและยอมรับกับการใช้ชีวิตแบบเดิม คิดแบบเดิม ทำตัวแบบเดิม จนตัวเราและความคิดเองนี่แหละที่เป็นอุปสรรคใหญ่ไม่ให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้

ถ้าเช่นนั้น เราควรต้องขวนขวายหาความรู้จากหนังสือ How-to ว่าทำอย่างไรจึงจะคิดแบบใหม่ ศึกษาว่าวิธีคิดนั้นมีกี่แบบ หรือหาแนวทางเปลี่ยนตัวเองได้ภายใน ๑ เดือน ใช่หรือไม่? - อาจจะใช่ เพราะเราคงได้ข้อมูลความรู้มากขึ้น แต่มันก็จะเป็นเหมือนกับเรื่องอื่นๆ อีกมากมายในชีวิตที่เรารู้ดีมาตั้งนานแล้ว แต่เราก็ไม่ทำ (อยู่ดี) รู้ว่าข้ามสะพานลอยปลอดภัยกว่า รู้ว่าการบอกรักพ่อแม่เป็นสิ่งที่ดี รู้ว่าการไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของพลเมือง แต่ทั้งหมดนี้ใช่ว่าเรารู้แล้วเราจะทำ

การที่เรารู้มากขึ้นจึงไม่ได้หมายความว่าเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเราได้เสมอไป ถ้าตราบใดที่เรายังไม่รู้ตัว

สิ่งสำคัญที่เราส่วนใหญ่มักหลงลืมละเลยไปคือตัวของเราเอง ถ้าหากในแต่ละชั่วขณะเรามีสติรู้เท่าทันจิตใจที่เผลอไผลไปกับความเคยชินเก่าๆ เดิมๆ สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีตรงหน้าคือความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนแปลง ความรู้ทักษะต่างๆ ที่เคยมีจะเป็นตัวเลือกหนึ่งให้เราตัดสินใจนำขึ้นมาใช้ มันจะไม่กลายเป็นเรื่องอุดมคติหรือทักษะที่ต้องใช้ความชำนาญพิเศษอีกต่อไป

เราเลือกกลับบ้านเร็วขึ้นไปหาครอบครัวแทนที่จะไปร่วมวงเหล้าได้ ถ้าเราทัน สามารถเห็นว่าใจกำลังกระเพื่อมหวั่นไหวอยากไปสังสรรค์ เราทอดระยะเวลาในการตัดสินใจให้ช้าออกไปได้ ใช้ชั่วขณะนี้เปิดโอกาสให้ตัวเราเห็นตัวของเราเอง

ปีเก่ากำลังจะผ่านไป เราเองก็ใช่จำต้องเป็นคนเก่าคนเดิมที่ทำอะไรเหมือนๆ เดิมในความเคยชินเดิมๆ เสมอไป ปีใหม่กำลังจะเข้ามาและอาจจะเกิดอะไรขึ้นอีกได้มากมาย เช่นเดียวกับเราที่อุดมไปด้วยความเป็นไปได้และเป็นผู้สร้างทางเลือกให้แก่ชีวิต ขึ้นอยู่แค่ว่าเห็นตัวเองหรือไม่ และอยากจะเป็นคนแบบไหน

เพราะว่าตัวเรานี่แหละคือเครื่องมือที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ส่วนปณิธานปีใหม่ที่น่าจะได้ตั้งเอาไว้ในใจกันอาจเป็นแค่เรื่อง “รู้เท่าทันตัวเอง” ก็ได้