ความเป็นไปได้ใหม่



หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ ฉบับวันที่ 26 ธันวาคม 2553

เช้าวันนี้ผมเห็นเขาเดินกะเผลก จากปกติที่เขามักนั่งมองเราทานมื้อเช้าและส่งเสียงร้องเรียก ก็กลับไปนั่งหมอบหลบมุม แม้จะยังกินอาหารที่เทให้แต่ก็ดูระแวดระวังตัวมาก ทำให้ผมรู้สึกกังวลและค่อนข้างไม่สบายใจ พลอยฟุ้งซ่านหลงคิดไปพักหนึ่งว่าเขาทะเลาะกับแมวอื่น หรือถูกตีเพราะย่องไปคาบปลาบ้านใกล้เคียงหรือเปล่า ด้วยความที่เลี้ยงเขาไว้นอกบ้าน จะปีนป่ายเดินเล่นไหนก็ได้ตามใจ

ลองนึกทบทวนแล้วผมยังแปลกใจตัวเองที่ห่วงแมวได้เพียงนี้ ย้อนไปราวสามสี่ปีก่อนหน้า ทัศนคติที่ผมมีต่อสัตว์เลี้ยงต่างจากนี้ ตัวโปรดประจำใจของผมมาโดยตลอดคือ หมา และหมาเท่านั้น ผมว่าหมาช่างมีข้อดีมากมายกว่าสัตว์เลี้ยงอื่น โดยเฉพาะแมว แม้ปัจจุบันผมจะไม่ได้มีเพื่อนสี่ขาขยันเห่าในครอบครองเหมือนเมื่อสมัยเป็นเด็ก แต่ยังประทับใจในความสัตย์ซื่อ เปิดเผย อดทน และไว้ใจได้ของเขาตลอดมา ขณะที่แมวเห็นจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม ดูเย่อหยิ่ง เก็บตัว และเอาแต่ใจตัวเอง

จนกระทั่งวันที่มีแม่แมวคาบลูกน้อยตัวเล็กสองตัวมาที่รั้วบ้าน แม้เราจะไม่อยากได้แต่ก็สงสาร ผลัดกันคลุกข้าวกับปลา หมั่นให้อาหารอยู่เสมอ จนลูกแมวโตขึ้นมากและแม่แมวก็จากไป ไม่มาอาศัยประจำบ้านอีก ส่วนลูกแมวสองตัวก็พำนักถาวร พร้อมเปลี่ยนจากหลบๆ ซ่อนๆ เข้ามาเคล้าเคลีย ส่งเสียงร้อง และหงายท้องยอมให้ลูบเล่นแต่โดยดี

ชัดเจนมาก ว่าผมใช้เวลากับเขาไปไม่น้อย ยามว่างผมนั่งในบ้านก็เพลินกับการดูเขานอนในท่าทางน่าขัน สังเกตการเติบโตและเป็นอยู่ของเขาในระยะประชิด อย่างเนิ่นนานมากขึ้น ผมได้เห็นและสัมผัสเขา ได้ใช้ประสบการณ์กับแมวจริงตรงหน้า ไม่ใช่แมวในความคิดนึกทึกทักเอาเองเหมือนก่อน

นึกถึงกระบวนการจิตตปัญญาศึกษาที่ผมมักแนะนำผู้เข้าร่วมการอบรมว่า ขอให้เราพยายามออกจากร่องความเคยชินเดิมๆ เพื่อเปิดความเป็นไปได้ใหม่ๆ อีกมากมายให้กับชีวิต ทว่าผมยังไม่เคยยกตัวอย่างสัตว์เลี้ยงเช่นแมวที่เรารู้จักดี อาจจะเป็นเพียงแมวในข้อมูลความจำ เป็นแมวของประสบการณ์เก่าที่เราเอามาใช้คาดการณ์แมวจริง จนเคยชินเป็นนิสัย

กระทั่งเรามักจะหลงเชื่อไปว่านี่แหละขอบเขตความเป็นตัวเรา อะไรที่เราเห็นและอะไรที่เราทำได้ และแล้วเราจึงได้จำกัดโอกาสความเป็นไปได้ให้ตัวเองไว้เพียงแค่นั้น จำกัดเรื่องราวและบุคคลอื่นในชีวิตเราไว้เท่านั้น

ประสบการณ์ว่าด้วยแมวได้สะท้อนให้ผมเห็นตัวช่วยดึงเราออกจากร่องความเคยชินได้ สองสิ่งนั้นคือ ระยะทาง และระยะเวลา เดิมผมคิดตัดสินไว้ในใจว่าแมวเย่อหยิ่งเอาแต่ใจ ผมจึงไม่คิดจะเอาตัวเข้าใกล้ ไม่เคยได้สังเกตมองเขาเป็นเวลานานกว่าวินาที เรียกว่าเห็นผ่านตาเท่านั้น เมื่อระยะระหว่างผมกับเขาหดสั้นลง และเวลาของเราเพิ่มมากขึ้น เดี๋ยวนี้ผมบอกได้เลยว่าเขาทั้งสองมีนิสัยบุคลิกความชอบผิดแผกกันอย่างไร ผมแปลกใจในคุณภาพการสังเกตนี้มาก

แต่อัศจรรย์ใจยิ่งกว่าที่พบว่า เรื่องราวนี้คือสิ่งเดียวกันกับการเปิดความเป็นไปได้ใหม่ให้ตัวเอง การสร้างความสามารถมองเห็นความงามในของเดิมที่เคยชิงชัง และการเข้าอกเข้าใจคนอื่นผู้ที่ชอบไม่เหมือนเรา ผมเห็นแมวไม่เหมือนเดิม และกลายเป็นว่าผมก็มองคนรักแมวเปลี่ยนไป ไม่ใช่คนลักษณะเดิมอีกต่อไป

อาจเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปในชีวิต ที่เรามักห่างเหินกัน ให้เวลากันเท่าที่จำเป็น แต่มันทำให้เราเห็นแค่สิ่งที่ตัวเราอยากจะเห็น เป็นไปได้ไหมว่า เราจะใช้เวลาให้กันนานขึ้น และใกล้กันมากขึ้น เพื่อให้เราได้เห็นอะไรต่างไป และนำเอาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในฐานะของขวัญที่ไม่ธรรมดาให้แก่ชีวิตเราเอง