Our world today



คืนวานและเช้านี้ผมอ่านพบข่าวชาวมุสลิมหลายประเทศทั่วโลกออกมาประท้วงการบรรยายพาดพิงถึงศาสนาอิสลามของพระสันตปาปา ยังไม่ทันอ่านรายละเอียดของข่าวคืนนี้และซึบซับเอาไว้มากนัก พอถึงเช้ากลับเป็นว่าเหตุบานปลายรุนแรงขึ้น นายกหญิงเยอรมันนีกล่าวปกป้องพระองค์ท่านว่าผู้ประท้วงเข้าใจเจตนาผิดไป ท่านนายกคงพูดเพราะเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่ประเทศนี้เอง ในอีกด้าน ชาวมุสลิมที่ปาเลสไตน์รวมตัวเดินประท้วง มีการเผารูปเขียนป้าย ทั้งสองฝ่ายกำลังย่ำลงไปบนจุดอ่อนไหวของกันและกัน


มีคนกล่าวไว้ว่าหากจะรักษาสัมพันธภาพในวงสนทนา อย่าได้นำหัวข้อการเมืองและศาสนาขึ้นมาพูดคุย ผมเชื่อว่าพี่ๆ น้องๆ พัฒนาจิตทุกคนคงอยากจะเติมท้ายประโยคนี้ อาจด้วยความว่า เว้นแต่ใช้สติและปัญญาในการสนทนา หรือ เพียงแต่ทุกฝ่ายตั้งอยู่ในพรหมวิหาร ๔ ไม่ว่าเรื่องราวใดย่อมส่งถ่ายถึงกันได้อย่างเป็นมิตรไมตรี


ผมไม่รู้ว่าเรื่องอันเกิดจากประโยคบรรยายนั้นจะนำพาไปสู่สถานการณ์ใดอีก ไม่แน่ใจว่าจะมีใครใช้สถานการณ์ที่ผ่านเลยไปแล้วมาผลิตใหม่ให้รองรับกับเป้าหมายของตัวเองในรูปแบบอื่นๆ อีก หวังแต่เพียงรอยปริแยกไม่ร้าวลึกและกรีดบาดใครมากไปกว่านี้


หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลซีไรท์ปีนี้ สะท้อนภาพของความเชื่อเบื้องหลังที่แตกต่างและนำไปสู่ความบาดหมางอย่างยากจะเยียวยากลับคืน เมื่อจุดอ่อนไหวถูกกระทบสร้างรอยลึกจนยากประสานกลับเป็นเหมือนเดิม "กรณีฆาตกรรมโต๊ะอิหม่ามสะตอปา การ์เด" เป็นนวนิยายที่ทรงพลัง บอกเล่าเหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนใต้ผ่านสายตาของทุกคนในหลากบทบาทที่เกี่ยวข้อง ไม่มีใครเลยที่เชื่อว่าตนไม่มีเจตนาดี แต่ความบอบช้ำและความบาดหมางยังปรากฏอยู่


โลกใบนี้ดูจะเล็กเสียจนเรารับรู้เรื่องความแตกต่างอันนำไปสู่รอยแตกร้าวจนชินชา ผลักไสเราออกห่างกันไกล เรื่องราวใดๆ ที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลอะไรต่อเรา เป็นเพียงข่าว จนกว่ามันจะเกิดขึ้นตรงหน้าเราเอง


0 comments:

Post a Comment