มีชื่อ



หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ ฉบับวันที่ 8 พฤษภาคม 2554

ผมนึกถึงประเด็นหนึ่งซึ่งนวนิยายแนวจินตนาการหลายเรื่องมีร่วมกัน นั่นคือความสำคัญของชื่อตัวละครในเรื่อง ใช่ว่าหมายความถึงการพิถีพิถันเลือกเฟ้นชื่อ หรือใช้คำที่สะท้อนบุคลิกตามท้องเรื่อง แต่เป็นโลกสมมติที่การรู้จักและถูกเรียกขานชื่อนั้นมีผลต่อพฤติกรรมและความเชื่อของตัวละครอย่างมาก

โดยมากแล้ว ชื่อตัวจะเป็นความลับที่ตนเองเก็บไว้อย่างมิดชิด การเปิดเผยชื่อให้แก่ผู้อื่น มีความเป็นไปได้หลากหลายต่างกันไปตามนวนิยายเรื่องนั้น แต่ล้วนสุดโต่งทั้งสิ้น ผลของการเผยชื่ออาจทำให้ตัวละครมีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง บ้างถึงขั้นตกเป็นบริวารผู้จงรัก หรือทำให้เจ้าของชื่อถึงกับสูญสิ้นความสามารถในการปกป้องตนเองเลยทีเดียว

เรื่องยอดนิยมอย่างแฮรี่ พ็อตเตอร์ ก็มีตัวร้ายที่ใครๆ ต่างหลีกเลี่ยงไม่กล้าเอ่ยนาม เพราะต่างหวาดผวา จนความกลัวจะเข้าเกาะกุมหัวใจแม้เพียงได้เอ่ยชื่อนั้นออกมา ขณะเดียวกัน ในตอนหนึ่งของเรื่องก็ได้แสดงให้เห็นว่าเจ้าของชื่อนั้นมีความพยายามในการพลิกแพลงตั้งชื่อของตนเองอีกด้วย

ชื่อนั้นสำคัญถึงเพียงนี้ และในความเป็นจริงเราก็ให้ความสำคัญกับชื่อมากมายจริงๆ แม้ไม่สุดโต่งเท่ากับนวนิยาย แต่ก็เห็นได้จากความพยายามในการตั้งชื่อให้ลูกให้หลาน เรามีตำรามีศาสตร์ว่าด้วยการตั้งชื่อ มีผู้รู้ผู้ทรงภูมิที่เราจะไปปรึกษา เรามีทั้งกฎหมายข้อบัญญัติการตั้งชื่อ จนกระทั่งความเชื่อเรื่องอักษรที่เป็นเดช ศรี และกาลกิณีที่ไม่เหมาะกับคนเกิดในวันต่างกัน

ชื่อของคนๆ หนึ่งจึงบอกอะไรเรามากมาย มันมีทั้งความเป็นมา เรื่องราวช่วงขณะหนึ่งในชีวิต ความเชื่อที่เขามี ความมุ่งหวังของผู้ให้กำเนิดต่ออนาคตและชีวิตของเขา รวมถึงความปรารถนาและความใฝ่ฝันที่เขาต้องการไขว่คว้าเอาไว้

การทำความรู้จักชื่อซึ่งกันและกัน จึงเป็นกระบวนการที่สามารถมีความหมายความสำคัญได้มาก และสามารถสื่อสารเผยบอกอะไรออกมาให้เรารู้จักกันได้มากกว่าอักษรตัวสะกดและการออกเสียง การเรียกขานชื่อ นัยหนึ่งคือการให้ความเคารพ ให้เกียรติในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่เราเท่าเทียมกัน พร้อมทั้งแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาเป็นบุคคลผู้มีตัวตนและมีความสำคัญ เราจึงจดจำและเรียกขานนามเขาได้

มีครั้งหนึ่งที่ผมโทรศัพท์ติดต่อไปขอสำรองที่นั่งของสายการบิน พนักงานรับสายพร้อมกับแจ้งชื่อตัวอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงคล่องแคล่ว ผมทักทายกลับว่าสวัสดีครับคุณวาริสา และบอกชื่อตนเองบ้าง แม้จะรู้สึกได้ว่าเธอชะงักไปเล็กน้อย แต่ตลอดบทสนทนาจากนั้นมาเราก็เรียกชื่อกันและกันจนวางสาย ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตรและความใกล้ชิด มั่นใจอย่างยิ่งว่าน้ำเสียงและท่าทีของเธอผิดแผกกันกับการติดต่อผ่านคอลเซ็นเตอร์ทั่วไป

อีกด้านหนึ่งในโลกปัจจุบันนี้ ชื่อของทุกคนได้ถูกให้ความสำคัญสำหรับการกำหนดจำแนกตัวบุคคลมากขึ้นเรื่อยๆ และดูจะมากเกินไปด้วยซ้ำ ในเหตุการณ์ติดต่อเจ้าหน้าที่บริการนี้ เป็นสิ่งปรกติธรรมดาจนถึงขั้นเป็นระเบียบเสียด้วยซ้ำ ว่าเจ้าหน้าที่จะต้องแจ้งชื่อเพื่อระบุตัวตนให้ลูกค้าทราบ แต่ผมคิดว่าคงจะน่าเสียดายมาก หากเรามองว่านี่คือการจำแนกให้ชัดเพื่อจะได้จัดการได้ถูกตัวถูกคนหากมีผลงานหรือข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ชื่อตัวเราเลยกลายเป็นจุดอ่อนจุดบอบบางที่เราระแวดระวัง การขอให้พนักงานทวนชื่อตนเองอีกครั้งเพื่อหวังจะให้เขาตั้งใจบริการ หรือแย่ยิ่งกว่าคือกำหนดรหัสประจำตัวให้จำง่าย จดสะดวกกว่าชื่อของเขา ล้วนแล้วแต่ปิดกั้นโอกาสการได้เข้าใกล้กัน ได้รู้จักและให้เกียรติอย่างเสมอเท่าเทียมกัน

เรื่องสุดโต่งของพลังปาฏิหาริย์อันว่าด้วยชื่อในนวนิยายนั้น อาจไม่ไกลเกินความเป็นจริงนักก็เป็นได้ ถ้าปล่อยให้เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้เราต้องปักชื่อ ติดป้าย หรือขานชื่อให้คนอื่นทราบ ตั้งอยู่บนฐานความคิดว่า เจ้าของชื่อจะได้มีพฤติกรรมไม่ออกนอกลู่นอกทาง ลดโอกาสการอำพรางปิดบังตัว จำแนกแยกเขาออกจากคนอื่นได้ง่าย และหาตัวผู้กระทำผิดพลาดได้โดยสะดวก บนฐานคิดนี้ ชื่อก็คือคาถาคุมขังกัน

ขอให้ชื่อได้ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่อย่างที่เราได้สร้างมันขึ้นมาเถิด เราสามารถเรียกขานนามกันและกันได้ในฐานะบุคคลซึ่งให้เกียรติเคารพในการมีอยู่ของกัน และเราสามารถเปิดประตู ทำความรู้จักกับคนแปลกหน้า ผ่านชื่อของเขา ชื่อที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นมา ความหมาย และความภาคภูมิใจในตัวเขาเอง

เราจะเปิดโอกาสให้ “ชื่อ” เป็นเครื่องมือใช้มอบพลังให้แก่กัน มิใช่คืออาวุธถือไว้จ้องทำร้ายทำลายกัน

0 comments:

Post a Comment