เดินทางชีวิต



คอลัมน์ จิตตปัญญา
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ
ฉบับวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน 2553

เมื่อหลายเดือนก่อน ผมเดินทางออกจากเกียวโตเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นไปยังมหานครโตเกียวด้วยรถไฟชินคังเซน นับว่าประหยัดเวลาและได้ชมทิวทัศน์ระหว่างทางไปด้วย จุดหมายของพวกเรานักท่องเที่ยวคือโตเกียว แต่เรายังมีเป้าหมายคือการได้ชมภูเขาไฟฟูจิในระหว่างทางที่รถไฟวิ่งผ่าน ถึงจะออกจากสถานีเกียวโตมาไม่นานและเหลือระยะทางอีกไม่น้อยกว่าจะผ่านจุดที่ชมภูเขาไฟฟูจิได้ แต่เราก็มักเหลียวมองออกไปทางหน้าต่างด้านซ้ายอยู่เสมอ

รถไฟหัวกระสุนที่ว่าเร็ว ยังเร่งได้ไม่ไวเท่าใจของเราเลย

กระทั่งผ่านเขาไปหลายลูก ผ่านอาคารบ้านเรือนไปจำนวนมาก เราจึงแลเห็นภูเขาไฟฟูจิขนาดใหญ่จากระยะไกลลิบ พร้อมกันนั้นต่างคนพากันหยิบฉวยกล้องถ่ายรูปมาจับภาพภูมิทัศน์นี้ไว้ เพราะมีโอกาสแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นจึงจะได้ชมความงามของธรรมชาตินี้ แม้เมื่อรถไฟวิ่งผ่านไปได้พักใหญ่ เรายังแลกผลัดกันชมภาพถ่ายของภูเขาลูกนี้กัน

จนบทสนทนาว่าด้วยกล้องใครถ่ายภาพได้งามกว่ากันและความตื่นเต้นค่อยคลายลง หลายคนยังคงเพลิดเพลินกับทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ผิดกันตรงที่คราวนี้เราสังเกตเห็นอะไรมากไปกว่าเดิม

เราเห็นภูเขาและอาคารที่อยู่ไกลได้มากและนานกว่าที่อยู่ใกล้ บ้านหลายหลังริมทางที่ดูน่ารักน่าสนใจกลายเป็นภาพที่ผ่านมาให้เห็นเพียงพริบตา กว่าบางคนจะชี้ชวนให้คนอื่นหันไปชมความงามในจุดเล็กๆ นั้นได้ รถไฟก็เคลื่อนตัวออกมาไกลจากจุดเดิมที่จะมองเห็นไปมากแล้ว ต่อเมื่อรถไฟชะลอตัวเข้าเทียบชานชาลาแต่ละสถานี เราถึงมีเวลาค่อยๆ เฝ้ามองดูผู้คนและบ้านเรือน และพบว่าเป็นภาพงดงามน่าสนใจไม่แพ้ภูเขาไฟเลย

เห็นภาพเด็กนักเรียนมัธยมญี่ปุ่นแล้วทำให้นึกถึงการเรียนของพวกเราที่ต้องเร่งเก็บเกี่ยวเนื้อหาและสอบให้ผ่านเพื่อมุ่งสู่จุดหมายการได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ

การทุ่มเทเอาใจใส่และเร่งกวดติววิชาเพื่อให้ได้ไปมหาวิทยาลัยภูเขาไฟฟูจิจะทำให้ช่วงชีวิตวัยเรียนอันอุดมไปด้วยโอกาสการได้รู้จักรู้ใจตนและบทเรียนนานาในวัยรุ่นผ่านพ้นไปไวเกินหรือเปล่าหนอ

เห็นภาพพนักงานบริษัทใส่สูทเดินกึ่งวิ่งไปให้ทันทำงานแล้วคิดถึงชีวิตการงานในเมืองใหญ่ของเราอย่างรีบเร่งเป็นรถไฟชินคังเซนที่มุ่งสร้างผลงานวิ่งไปสู่ความสำเร็จและผลตอบแทนก้อนใหญ่นั้น

เราพากันเร่งรีบเกินไปจนไม่ทันได้ดูแลความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน และเผลอเรอละเลยความห่วงใยของครอบครัวและคนใกล้ตัวไปบ้างหรือเปล่าหนอ

ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิต ทุกเส้นทางเหล่านี้สำหรับเราแต่ละคนล้วนมีเป้าหมายสำคัญต่างกันไป พวกเราอาจเลือกใช้เส้นทางอันรวดเร็วเพื่อให้ได้ชื่นชมความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ แต่นั่นย่อมมิใช่เส้นทางเดียวที่เรามีและเลือกได้ คงน่าเสียดายยิ่งนักถ้าเราไม่เคยได้ลองเปลี่ยนรางให้ช้าลงบ้างในบางขณะบางช่วงจังหวะชีวิต ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง ให้ความใส่ใจกับงานประจำวัน

เรามีสิทธิใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปตามรายทางตลอดเส้นทางสู่จุดหมายของเราเสมอ