Slow Life is Beautiful

วันนี้ไปอ่านเจอสัมภาษณ์ดีๆ ในนิตยสาร a day bulletin ของคุณกวาง มีนา เปรื่องวิริยะ น้องสาวของคุณ นิรมล เมธีสุวกุล เลยหยิบเอามาฝากครับ

เธอเป็นคนที่วิกฤตในชีวิตได้หยิบยื่นโอกาสมาให้ และเธอก็ไม่ได้พลาดมองข้ามโอกาสนั้นไป วิกฤตคือมะเร็งในรังไข่ ส่วนโอกาสของเธอคือะไร ดังข้อความสัมภาษณ์ตอนท้ายนี้ครับ:




หลายคนอาจจะมีทัศนคติต่อโรคร้ายอย่างมะเร็งในแง่ลบ แต่สำหรับชีวิตที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงของมีนาจากการเผชิญโรคร้าย เธอยืนยันว่า ถึงอย่างไรเจ้ามะเร็งก็ยังพอมีข้อดีอยู่บ้างตรงที่...

"ยอมรับว่า เมื่อก่อนตอนที่ยังทำงานอยู่ เรามองเรื่องคนรอบข้างน้อยมาก เรียกว่าใส่ใจงานมากกว่าคน ทั้งเพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง ซึ่งช่วงที่ป่วยเป็นมะเร็ง เราได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างเยอะมาก ไม่ใช่เฉพาะแต่สามีหรือคนในครอบครัว ตรงนี้ทำให้เราสำนึกได้ว่า เราเคยละเลยอะไรไป

สอง มะเร็งทำให้เรามีเวลาดูแลตัวเอง และสามีมากขึ้น เพราะได้เกษียณจากงานเร็วกว่าที่วางแผนไว้ ได้ไปเที่ยว ได้ไปใช้ชีวิต ได้ทำอะไรแบบที่ไม่เคยได้ทำ

สาม เรารู้จักที่จะยืดหยุ่นกับชีวิตมากขึ้น เหนื่อยก็พอ พักก่อนพรุ่งนี้ค่อยทำใหม่ ผิดกับเมื่อก่อนที่เรารู้ตัวว่าล้าแล้ว แต่ยังฝืนทนทำไปจนเสร็จ

สี่ ได้รู้จักการแบ่งปัน อย่างการเขียนหนังสือประสบการณ์การเป็นมะเร็งออกมา ก็เพราะว่าเราอยากที่จะแชร์ความเจ็บปวดที่เคยมีให้คนอื่นได้รับรู้ จะได้ระวังตัว อย่างเราเองก็ไม่รู้ว่ามะเร็งที่หาย จะกลับมาเป็นอีกเมื่อไหร่ เพราะมันมีโอกาสตลอดเวลา

สุดท้าย การได้เรียนรู้ตัวเอง เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เราเข้าใจตัวเองแล้ว่า จริงๆ ชีวิตนี้เราต้องการอะไร อะไรคือความหมายของชีวิต ซึึ่งมันไม่ใช่ชื่อเสียง เงินทอง หรือตำแหน่งที่เคยอยากได้ เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่เราต้องการก็คือ ความสมดุลในชีวิต ระหว่างงาน ครอบครัว และการใช้ชีวิต




เธอผ่านวิกฤตโรคร้ายมาด้วยการรักษาพร้อมกับการใช้ธรรมชาติบำบัด

ปัจจุบันเธอกับสามีตัดสินใจเช่าบ้านที่หลวงพระบาง ใช้ชีวิตเรียบง่าย เธอลาออกแล้วจากงานการตลาดที่เคยสร้างชื่อเสียงและขณะเดียวกันก็บั่นทอนสุขภาพตัวเอง

หนังสือที่เธอเขียนบอกเล่าประสบการณ์มีชื่อว่า "จากวิ่งเร็วเป็นเดินช้า : ชีวิตที่หลวงพระบาง ประสบการณ์หลังบำบัดมะเร็ง"