คนละข้างเดียวกัน

หลายเดือนผ่านมาแล้ว บทสนทนาในครอบครัวหนึ่งต้องยุติลงกลางคัน เพราะว่าลูกสาวเอ่ยปากอย่างสุดจะทนว่าบ้านเราไม่มีใครชอบ"มัน"หรอก มีแต่พ่อคนเดียวนั่นแหละ นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ฝ่ายพ่อก็ดูจะพูดเรื่องการเมืองน้อยลงกับลูกๆ ทีท่าในการโพล่งความเห็นขณะดูทีวีก็มีความระวังตัวมากขึ้น ลูกๆ ก็เกร็ง เกรงว่าตัวเองจะหลุดปากลุแก่โทสะขึ้นมาถ้าทนไม่ได้

หลายเดือนยิ่งขึ้นไปอีก ข่าวที่มีประปรายบนหน้าหนังสือพิมพ์ คือข่าวเพื่อนฝูงในวงเหล้าบันดาลโทสะ ทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต สาเหตุเพราะโต้เถียงกันเรื่องการเมือง ต่างคนต่างยกข้อเสียของกลุ่มการเมืองที่ตนไม่เห็นด้วยมาตำหนิ ลงเอยด้วยการเสียเลือดเนื้อ

ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนกลับต้องระวังตัวในการคุยผ่านอีเมลมากขึ้น ที่มาของเรื่องเพราะผ่านการคุยเรื่องการเมืองมาหลายสัปดาห์ ส่วนที่เห็นต่างกันมีมากแต่ก็คุยได้บนฐานความเชื่อว่าเราหวังดีต่อกัน อยากให้เพื่อนได้ข้อมูล ได้รับรู้สิ่งที่เราเชื่อมั่น ทว่าไม่นานมานี้ก็เป็นอันต้องเลิกคุยกันชั่วคราว หาเรื่องอื่นมาคุยกันแทน เพราะเกิดความรู้สึกว่าเพื่อนคนอื่นดูหมิ่นดูแคลนตัวเองที่เห็นตรงกันข้าม

แตกแยกและแตกต่างกันได้ถึงเพียงนี้หนอ

อะไรทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวและเพื่อนปริแยกไปจนถึงขั้นขาดจากกันได้
และในทางกลับกัน อะไรทำให้สายสัมพันธ์นั้นคงอยู่ร่วมกันต่อไปได้

ความรักและปรารถนาดีต่ออีกฝ่ายอาจจะไม่จำเป็นต้องให้เขาเชื่อเหมือนเรา
แต่แน่นอนเช่นกันว่า เราก็จะไม่เพิกเฉยละเลยการแสดงความเชื่อของเราเช่นกัน

ทีนี้ก็อาจจะเหลือแค่ ความเชื่อของต่างคนจะไม่ปักใจว่าความเชื่อที่มีดีกว่าความเชื่ออื่น

และอาจจะเหลือแค่ผู้นำที่แท้
ที่หมั่นชี้ให้เห็นถึงอนาคตซึ่งเรามีร่วมกัน
ที่เผยให้เราเห็นว่าทุกความเชื่อมีปลายทางเดียวกัน

ไม่ใช่ผู้นำที่ทำให้เราต้องเลือกข้าง

1 comments:

อาร์ต said...

เราว่า มีความเชื่อบางเรื่องที่คนยอมรับกันว่า อยู่ร่วมกันได้่

อย่างเรื่องศาสนา เรื่องอาหารการกิน


แต่อาจจะเพราะว่า มันไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ใช้ร่่วมกัน คนที่คิดต่างก็เลยไม่เดือดร้อน

แต่การเลือกให้่ใครมาบริหาร มันเป็นตัวเลือกร่วม ที่ต่างคนต่างใช้ไม่ได้


เลยออกมาอย่างที่เห็น

Post a Comment