สิ่งสำคัญที่สัมพันธ์กว่า



คอลัมน์ จิตตปัญญา
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ
ฉบับวันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2553

เรื่องเริ่มจากเพื่อนคนหนึ่งเขียนเตือนเข้ามาในกลุ่มอีเมลของเพื่อนร่วมรุ่นมัธยมปลายให้ระวังสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดง เมลนี้กระตุ้นให้เพื่อนอีกหลายคนเขียนตอบเข้ามา ชัดเจนอย่างยิ่งว่าเป็นการโต้ตอบระหว่างหลายคนที่เชื่อต่างกัน คนแรกเริ่มจากคำเตือนว่าการชุมนุมอาจมีความรุนแรง ขอให้หลีกเลี่ยงสถานที่มีคนพลุกพล่าน บางคนว่าสื่อเสนอภาพด้านเดียวและชวนให้เพื่อนออกไปร่วมชุมนุม จนเรื่องบานปลายกลายเป็นถกถึงประเด็นความเชื่อในระบอบการปกครอง ทั้งถ้อยคำภาษายังเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นและมีบรรยากาศของความขัดแย้ง

กระนั้นก็ตาม แม้เพื่อนแต่ละคนจะเชื่อคนละแบบ ใส่เสื้อคนละสี มีข้อมูลและข้อเท็จจริงตามมุมมองของตนมาบอกเล่า แต่ในความต่างเหล่านี้กลับมีความเหมือนร่วมกัน นั่นคือ ทุกคนเชื่อว่ามีคำตอบที่ถูกต้องอยู่ในใจ จึงพยายามจะบอกว่าสิ่งนั้นคืออะไร สังคมไทยควรจะเป็นอย่างไร และเพื่อนของเขาควรมีทัศนคติอย่างไร ควรทำอะไรในสถานการณ์นี้

สำหรับเราแล้ว ความเชื่อที่เรามี ความจริงที่เราเห็น ล้วนเป็นสิ่งสำคัญ เป็นสิ่งซึ่งเราต้องการจะบอกกล่าว หรือชักจูง หรือแม้แต่สั่งสอนคนที่รู้จัก คนที่รัก และคนที่คิดว่าเขาควรจะเชื่อเรา ทว่าเราเองนั้นกลับมองข้ามไปเสียแล้วว่า เราทุกคนต่างก็มีความเชื่อของตนเองว่าโลกควรเป็นเช่นไร และพยายามเปลี่ยนคนอื่นให้มาเชื่อเหมือนที่เราเชื่อ

ขณะเดียวกัน เมื่อใดที่เรารู้สึกว่ามีใครกำลังจะเปลี่ยนเรา เราก็จะตั้งหลักไม่ยอมอนุญาตให้เขามาเปลี่ยนเราได้โดยง่าย ยิ่งมีความเชื่อแรงยิ่งอยากจะเปลี่ยนแปลงคนอื่นที่เห็นต่าง ยิ่งมีความเชื่อแรงยิ่งมีป้อมปราการแน่นหนา บทสนทนานี้จึงไม่สามารถประสานหลอมรวมเราเข้าด้วยกันได้ รังแต่จะผลักไสอีกฝ่ายให้ถอยห่างและสร้างความต่างของเขาออกจากเรามากขึ้น

ในครอบครัว ในที่ทำงาน ในชุมชน ในประเทศ และในโลกใบนี้ของเรา กำลังมีเรื่องราวบทนี้ดำเนินอยู่มิใช่หรือ? ไม่ว่าสิ่งสำคัญของเราจะเป็นความเชื่อในเรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง ศาสนา จารีตประเพณี หรืออัตลักษณ์ทางเพศก็ตาม หากเขาเหล่านั้นมิได้เชื่อและกระทำเฉกเช่นเดียวกับเรา เขาย่อมเป็นฝ่ายตรงข้ามที่เราต้องไปจัดการ แก้ไข หนีห่าง เพิกเฉย หรือกำจัด จริงหรือ?

สิ่งที่เราเชื่ออาจเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่า ทว่าได้ขาดพร่องไปในการสนทนาคือ ความรักความเมตตาที่เรามีต่อกัน หากมองลึกลงไปภายใต้ความขัดแย้ง เป็นเพราะเขาคือคนที่เราห่วงใย คนที่เรารัก และคนในครอบครัวชุมชนเดียวกัน ใช่ไหม? เราจึงปรารถนาความเข้าใจและอยากได้การยอมรับจากเขายิ่งนัก

แม้เขาอาจไม่คิดและเชื่อตามอย่างเรา แต่นั่นมิได้หมายความว่าเขาไม่ห่วงใยสนใจ และความแตกต่างของเขาก็หาได้เป็นเหตุให้เราต้องไปลดทอนความรักต่อเขาลง ด้วยว่าสิ่งสำคัญใดๆ ย่อมไม่อาจสำคัญยิ่งไปกว่าความรักความเมตตาอันเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกัน ตลอดมา และตลอดไป

1 comments:

อาร์ต said...

คงเหมือนการที่เราพยายามจะใส่ Tag ให้ บทความ

คงตลกดี ถ้าเรามองหน้าเพื่อนแล้วมี Tag ห้อยลงมาจากหัว จากใบหู

"เสื้อแดง"

"Nerd"

"สุขนิยม"


;-)

Post a Comment